นักมวย 5 อันดับนักมวยไทยที่แข้งหนักที่สุด (เตะทีมีปลิว)

นักมวย นักมวยชื่อดัง  นักมวยตลก ชื่อนักมวย นักมวยไทยที่มีชื่อเสียง นักมวยดังๆ  นักมวยไทยระดับโลก นักมวยหล่อ นักมวยอังกฤษ นักมวยเก่า

 

นักมวย

 

นักมวยหากพูดถึงนักมวยไทยหลายๆคนนักมวยหล่ออาจจะมีนักมวยในดวงใจซึ่งนักมวยแต่ละคนนั้นก็จะมีความถนัดที่แตกต่างออกจากกันไปบางคนถนัดในการใช้หมักทั้งคนถนัดในการใช้เหลี่ยมมวยบางคนสายตาดีหลบหลีกว่องไวป้องกันตัวได้ดีบางคนก็ถนัดการใช้ข่าวเข้าวงในบางคนถนัดในการใช้สอบแต่ถ้าหากพูดถึงนักมวยที่สามารถเตะได้รุนแรงแบบโดนทีอาจจะถึงกับเสกก็คงมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นักมวยเหล่านี้นักมวยชื่อดังอาจจะหนักมากจากธรรมชาติหรือบางคนอาจจะฝึกฝนจนสามารถเตะได้แรงแบบน่าเหลือเชื่อแสนหมัดมวยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็ให้ความเห็นว่าบุคคลเหล่านี้คือนักมวยไทยที่สามารถเตะได้รุนแรงที่สุดในวงการมวยคลิปนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรับชม 5 อันดับนักมวยที่เตะแรงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันตอนต่อๆ

 

นักมวย

นักมวยชื่อดัง

อันดับที่ 5 บัวขาวบัญชาเมฆหลายๆคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วสำหรับบัวขาวบัญชาเมฆที่เป็นฮีโร่ของชาวไทยนักมวยไทยที่เปลี่ยนสายจากการแข่งขันมวยไทยไปแข่งขันฟุตบอลซิ่งในเวทีมวยระดับโลกอย่าง K1 บัวขาวเริ่มชีวิตด้วยการเป็นนักมวยตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบแต่เริ่มเข้ามาต่อยในกรุงเทพฯเมื่ออายุได้ 15 ปีเขาได้แข่งขันเวทีใหญ่หลายรายการเช่นเวทีมวยสยามอ้อมน้อยมวยไทยมาราธอน Toyota และโชกุนได้เข็มขัดแชมป์มาครองก่อนที่จะร่วมเข้าแข่งขันในรายการ K1 ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นการแข่งขันประเภทคิงโดยที่บัวขาวเคยเจอนักชกต่างประเทศที่มีฝีมือเก่งกาจหลายๆคนเช่น John Way Nike hosten และสามารถฝ่าฟันจนคว้าแชมป์และมีชื่อเสียงโด่งดังมาถึงปัจจุบันด้วยสไตล์การชกที่ดุดันเดินหน้าออกอาวุธได้รุนแรงทั้งหมดแต่สิ่งที่ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือพลังในการเตะของบัวขาวที่สามารถเตะได้ทั้งซ้ายและขวาอย่างหนักหน่วงนักมวยตลกการเตะขี้รวดเร็วและรุนแรงของบัวขาวหลายครั้งทำให้คู่ชกมีอาการเจ็บป่วยอย่างเห็นได้ชัดและยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่น่าทึ่งของบัวขาวบัญชาเมฆก็คือเขามีความอดทนของร่างกายที่สูงมากนักมวยอังกฤษโดยตลอดการชกมวยไทยและเพียงครั้งเดียวเท่านั้นบัวขาวบัญชาเมฆไม่เพียงแค่ถูกยอมรับในหมู่คนไทยแม้แต่ชาวต่างชาติที่ชื่นชอบมวยไทยต่างก็รู้จักเขาดี

นักมวยตลก

อันดับที่ 4 ช้างเผือกทรงฤทธิ์มีชื่อจริงว่านายสมชายเล่าแขวนเขาขึ้นชกมวยไทยครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 14 ปีและขยับน้ำหนักขึ้นไปเรื่อยๆแต่ในประเทศไทยนักมวยรุ่นใหญ่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นะทำให้หาคู่ชกยากเขาจึงต้องผันตัวไปชกที่ต่างประเทศแทนโดยช้างเผือกคนแรกที่โช๊ค boxing ในรูปเช่นญี่ปุ่นออสเตรเลียอเมริกา โดยในการแข่งขันในครั้งนั้นทั้งคู่แข่งกันในประเทศญี่ปุ่นหลังจากเริ่มชกช้างเผือกก็โดนริบรูฟาสซอยกลางผักตั้งแต่ยกแรกแต่เขาก็สามารถอดทนสู้มาจนถึงยกที่ 4 และสามารถกลับมาพลิกล็อคชนะด้วยการเตะเจาะยางแบบที่ริกลูฟหมดสภาพไร้ทางสู้หลังจากนั้นชื่อเสียงของช้างเผือกทรงฤทธิ์ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกชื่อนักมวยและเหมือนการแข่งขันในครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนทำให้วงการคลิก boxing เริ่มเห็นความสำคัญของการป้องกันการเตะขาและการร้องทุกข์เตะด้วยแข่งมากขึ้นช้างเผือกเก็บทรงฤทธิ์จึงถูกจดจำในฐานะนักมวยไทยที่เตะแรงที่สุดอีกคนหนึ่งของวงการมวยเมื่อเทียบกันตอนต่อๆ

 

นักมวย

 

ชื่อนักมวย

อันดับที่ 3 พายัพเปรมชัยนักชกไทยนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงที่มีพลังเตะหนักหน่วงชนิดที่ว่าหลายคนหวาดกลัวในพลังเตะของพายัพคำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใดเพราะในการชกระหว่างช้างเผือกส่งฤทธิ์กับพายัพเปรมชัยนั้นทางฝ่ายพายัพเปรมชัยถูกต่อร้องไห้ห้ามใช้การเตะในการชกครั้งนั้นโดยที่เขาสามารถใช้ได้เพียงหมัดเข่าศอกเท่านั้นหากพูดถึงพลังเตะของพายัพเปรมชัยเขาทำให้คู่ชกหมดสภาพในการต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้งเขาเคยเตะนักชกไทยจนแขกห้อยไม่สามารถชกต่อหรือป้องกันตัวเองได้รวมถึงเคยเตะคู่ต่อสู้จนไหล่หลุดเลยก็มีตัวอย่างเช่นการแข่งขันที่พายัพเปรมชัยต้องมาเจอยอดมวยหมัดอย่างรักชาติซอสประสาทก่อนพายัพเปรมชัยเดินหน้าเตะจนรักชาติไหล่หลุดไม่สามารถสู้ต่อได้จนกรรมการต้องเข้ามายุติการแข่งขันพายัพเปรมชัยถือว่าเป็นนักชกที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้นหลังจากที่ชื่อเสียงเริ่มโด่งดังไปยังต่างประเทศในช่วงที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์พายัพเปรมชัยก็มีโอกาสได้ไปปราบมือกับนักชกหลายชาติและมักจะปิดฉากผู้ชมด้วยพลังเตะที่น่ากลัวอยู่เสมอทั้งการเตะเจาะยางเตะลำตัวเตะก้านคอพลังเตะที่รุนแรงทั้งซ้ายและขวาบวกกับสไตล์เดินหน้ากล้าแลกหาจังหวะวางแข้งไปยังเป้าหมายแบบไม่รีบร้อนค่อยๆสร้างและสะสมความบอบช้ำให้กับผู้ชกไปทีละนิดทำให้เขากลายเป็นนักชกที่ผู้คนต่างก็ยอมรับว่าพลังเตะของพายัพนั้นน่ากลัวอันดับต้นๆของเมืองไทย

นักมวยไทยที่มีชื่อเสียง

อันดับที่ 2 ครับนั้นหลังจากที่ชื่อเสียงเริ่มโด่งดังไปยังต่างประเทศในช่วงที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์พายัพเปรมชัยก็มีโอกาสได้ไปปราบมือกับนักชกหลายชาติและมักจะปิดฉากผู้ชมด้วยพลังเตะที่น่ากลัวอยู่เสมอทั้งการเตะเจาะยางเตะลำตัวเตะก้านคอพลังเตะที่รุนแรงทั้งซ้ายและขวาบวกกับสไตล์เดินหน้ากล้าแลกหาจังหวะวางแข้งไปยังเป้าหมายแบบไม่รีบร้อนค่อยๆสร้างและสะสมความบอบช้ำให้กับผู้ชกไปทีละนิดทำให้เขากลายเป็นนักชกที่ผู้คนต่างก็ยอมรับว่าพลังเตะของพายัพนั้นน่ากลัวอันดับต้นๆของเมืองไทยอันดับที่ 2 ครับ ต้องจับเขามาฝึกมวยไทยอภิเดชเก็บประสบการณ์มวยจนเจอนักมวยแนวหน้าของคนไทยหลายคนจนกลายเป็นที่รู้จักดีของชาวไทยแฟนมวยต่างก็ให้ความเห็นว่าเขาเป็นนักชกที่เตะหนักที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์เป็นนักมวยไทยที่ถนัดการใช้ลูกเตะมาเขาสามารถเตะได้ทั้งต้นคอลำตัวและขาในเวลาอันรวดเร็วการก้าวเท้าออกข้างและบิดตัวทำให้พลังเตะของเขามีแรงส่งอย่างเต็มประสิทธิภาพพลังแข้งทั้งฟ้าและขวามีความหนักหน่วงแบบที่คู่ชกนักมวยดังๆโดนเข้าไปอาจจะกระเด็นได้ถ้าหากผู้โชคใช้แขนหรือศอกรับอาจจะเสี่ยงแค้นห้อยแขนหักอย่างแน่นอนอภิเดชเ****วชาญการเตะในมวยไทยมากจนได้รับฉายาว่าจอมเตะแห่งบางนกแขวกอภิเดชศิริราชเป็นแชมป์มวยไทยรุ่น Water weight ทั้งลุมพินีและราชดำเนินแม้ในต่างประเทศเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักเหมือนนักมวยรุ่นหลังๆแต่แฟนมวยชาวไทยรุ่นก่อนๆย่อมรู้ดีว่าอภิเดชศิษย์อิรันคือนักมวยไทยที่เตะหนักที่สุดในยุคนั้น

 

นักมวย

นักมวยดังๆ

อันดับที่ 1 3 กองเกียรติหม่นเทพหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ 3 ก.ชรัชตะสุภัคไหนตอนเด็ก 3 ก่อไม่ได้สนใจเรื่องมวยเท่าไหร่นะแต่เขาเอาดีทางด้านการเล่นฟุตบอลแล้วหวังว่าจะเป็นนักกีฬาฟุตบอลให้ส่งได้แต่ทว่าเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตครูมวยแนะนำให้เขาลองฝึกมวยดู 3 กอจึงเริ่มฝึกมวยตั้งแต่ตอนอายุ 13 สั่งสมประสบการณ์ตั้งแต่อายุอย่างน้อยใช้เวลาอยู่กับมวยไทยนักมวยเก่าจนเริ่มโด่งดังมีชื่อเสียงมากขึ้นด้วยสไตล์การชกที่เดินบุกและสาดแข้งไปแบบไม่ยั้งเดินหน้า หน้าแบบไม่ถอยหนีสร้างความบอบช้ำสะสมให้กับคู่ชกตลอดทั้งเกมคู่ชกหลายๆคนของสารก่อมักจะโดนแข้งซ้ายเจาะยางหรือบางคนก็โดนลำตัวแบบจุกๆจนหมดสภาพการต่อสู้ไปในที่สุดหากกระดูกไม่แข็งหรือพลาดขึ้นมาก็อาจจะโดนแข้งซ้ายมหาภัยของเขาปิดเกมลงได้นักมวยไทยระดับโลกเขาคว้าแชมป์ของเวทีมวยลุมพินีรุ่น 122 ปอนด์ 130 ปอนด์ 135 ปอนด์และแชมป์ประเทศไทย 135 ปอนด์เผยค่าตัวมากถึง 200,000 บาทเลยทีเดียวชื่อเสียงของ 3 ก่อโด่งดังไปถึงประเทศญี่ปุ่นทางโปรโมชั่นจึงจัดให้ 3 กอได้ชกกับซาโตชิโคบายาชินักชกซึ่งดาวรุ่งของญี่ปุ่นในสมัยนั้นแต่แน่นอนว่าสารก่อก็ได้ใช้แข้งซ้ายอันหนักหน่วงเตะโคบายาชิจนหมดสภาพแถมถึงกับห้อยและยอมทิ้งตัวลงไปเพราะทนแค่มหาภัยนี้ไม่ไหวไปนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับ 3 ก้อนในต่างแดนเป็นอย่างมากเขาชกมวยในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งจนแฟนมวยต่างประเทศต่างให้การยอมรับแล้ววีดีโอที่ปรากฏออกมาก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาคือนักชกไทยที่มีพลังเตะที่น่ากลัวอีกคนนึงของโลกและทั้งหมดนี้ก็คือนักมวยไทยที่หลายๆคนต่างให้การยอมรับว่าพวกเขามีพลังการเตะที่น่ากลัวสามารถ มวยไทยที่หลายๆคนต่างให้การยอมรับว่าพวกเขามีพลังการเตะที่น่ากลัวสามารถเผด็จศึกคู่ชกด้วยการเตะที่ทรงพลังบ้างก็ว่าพลังเตะของนักมวยเหล่านี้เป็นพรสวรรค์แต่พรสวรรค์นั้นจะไม่พัฒนาได้เลยถ้าหากพวกเขาไม่ได้ฝึกอย่างจริงจังและถูกวิธีนักมวยเหล่านี้ได้ฝึกอาวุธที่เป็นจุดเด่นของเขากลายมาเป็นสิ่งที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพจนมันกลายเป็นอาวุธที่รุนแรงและปิดเกมผู้ชกได้แบบไม่น่าเชื่ออาจจะลำดับไม่ถูกใจใครหรือมีข้อมูลผิดพลาดประการใดเราก็ต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะครับหากเพื่อนๆชอบหรือถูกใจอย่าลืมกดไลค์กด Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจให้เราหาสิ่งที่น่าสนใจมาเล่าต่อๆไปด้วยนะครับขอบคุณครับนักมวย

ขอบคุณเครดิต    csgoth.com

 

ข่าวแนะนำ